ไม่ใส่ถุงยาง = เสี่ยงหนองใน! วิธีป้องกันและลดความเสี่ยง

หลายคนอาจคิดว่า “แค่ครั้งเดียวคงไม่เป็นไร” หรือ “ถ้ามีเพศสัมพันธ์กับคนหน้าตาดี ดูสะอาด ก็คงไม่ติดอะไร” แต่ความจริงคือการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัยแม้เพียงครั้งเดียว ก็สามารถนำไปสู่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) ที่น่ากังวลอย่าง “หนองใน” (Gonorrhea) ได้แล้ว โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน และกลุ่มที่มีคู่นอนหลายคน หนองในไม่ใช่แค่โรคที่สร้างความอึดอัดทางร่างกาย แต่ยังสามารถพัฒนาไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น ภาวะมีบุตรยาก การติดเชื้อในกระแสเลือด หรือโรคติดต่ออื่นร่วมด้วย ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า ทำไมการไม่ใส่ถุงยางจึงเสี่ยงต่อการติดหนองใน, วิธีการสังเกตอาการ, วิธีป้องกันที่ได้ผล และแนวทางลดความเสี่ยง เพื่อให้คุณดูแลสุขภาพทางเพศของตนเองและคู่ได้อย่างปลอดภัย

ไม่ใส่ถุงยาง ทำไมถึงเสี่ยงหนองใน

หนองใน (Gonorrhea) คือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากแบคทีเรียชื่อ Neisseria gonorrhoeae ซึ่งสามารถติดต่อผ่านการสอดใส่ทางช่องคลอด ทางทวารหนัก หรือทางปาก รวมถึงการใช้อุปกรณ์ทางเพศร่วมกันโดยไม่ทำความสะอาดอย่างเหมาะสม หนองในสามารถเกิดได้ทั้งในเพศชายและเพศหญิง โดยอาการที่พบอาจแตกต่างกัน บางคนไม่มีอาการเลย ทำให้ไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อ และแพร่เชื้อต่อให้ผู้อื่นโดยไม่ตั้งใจ

ลักษณะของโรคหนองใน: ผู้ชาย vs ผู้หญิง

อาการในเพศชาย

  • ปัสสาวะแสบขัด
  • มีหนองสีเหลืองหรือเขียวข้นไหลจากปลายองคชาต
  • ปวดหรือบวมที่อัณฑะ
  • คันหรือระคายเคืองที่อวัยวะเพศ
  • บางรายอาจมีไข้หากเชื้อลุกลาม

อาการในเพศหญิง

  • ตกขาวมากกว่าปกติ หรือมีกลิ่นผิดปกติ
  • ปวดท้องน้อยหรือหน่วงในช่องท้อง
  • ปัสสาวะแสบขัด
  • เลือดออกทางช่องคลอดระหว่างรอบเดือน
  • เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์

อาการทางคอและทวารหนัก ก็สามารถเกิดได้ในกรณีมีเพศสัมพันธ์ทางปากหรือทางทวาร เช่น:

Love2test
  • เจ็บคอ คล้ายทอนซิลอักเสบ
  • มีเลือดหรือหนองจากทวารหนัก
  • คันหรือระคายเคืองรอบทวารหนัก

ไม่ใส่ถุงยาง = เพิ่มโอกาสติดหนองในและโรคอื่น ๆ

การไม่ใช้ถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ไม่เพียงแต่เพิ่มความเสี่ยงในการติดหนองในเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เช่น:

  • ซิฟิลิส (Syphilis)
  • หนองในเทียม (Chlamydia)
  • เริม (HSV)
  • เอชไอวี (HIV)
  • ไวรัสตับอักเสบบีและซี

โดยเฉพาะผู้ที่มีคู่นอนหลายคน หรือไม่ได้ตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำ การมีเซ็กส์แบบไม่ป้องกัน คือพฤติกรรมเสี่ยงอย่างยิ่ง

ถุงยางอนามัย คืออาวุธสำคัญในการป้องกันโรคหนองใน

ถุงยางอนามัยยังคงเป็นเครื่องมือที่ มีประสิทธิภาพที่สุด ในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงหนองใน โดยมีข้อดีดังนี้:

  • ป้องกันการสัมผัสของเหลวในร่างกายซึ่งเป็นพาหะของเชื้อ
  • ลดการเสียดสีที่ทำให้เกิดแผล และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อทางผิวหนัง
  • ใช้ง่าย พกพาสะดวก และมีหลายขนาดให้เลือก
  • ปลอดภัย และราคาไม่แพง

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ถุงยางได้ผลเต็มที่ ควร:

“ChatLove2test"
  • ใช้ถุงยางใหม่ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
  • ใช้ถุงยางตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จกิจ
  • เลือกถุงยางที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน อย่าซื้อของหมดอายุหรือเก็บไว้นานเกินไป

วิธีป้องกันโรคหนองในอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากการใช้ถุงยางอย่างถูกวิธีแล้ว ยังมีแนวทางอื่นที่ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อหนองในได้อีก ดังนี้:

1. จำกัดจำนวนคู่นอน การมีคู่นอนน้อยราย และอยู่ในความสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อได้อย่างมาก

2. ตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำ โดยเฉพาะหากคุณมีคู่นอนใหม่ หรือมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยาง การตรวจหาเชื้อหนองในและโรคติดต่ออื่น ๆ เป็นประจำทุก 3-6 เดือน ช่วยให้รักษาได้ทันก่อนแพร่เชื้อ

3. พูดคุยกับคู่นอนเรื่องความเสี่ยง ไม่ใช่เรื่องน่าอายหากจะถามว่าคู่นอนของคุณเคยตรวจสุขภาพทางเพศหรือไม่ หรือยืนยันให้ใช้ถุงยางทุกครั้ง

“PrEPLove2test"

4. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง การมีเพศสัมพันธ์ขณะมึนเมาหรือขาดสติ อาจทำให้ละเลยการใช้ถุงยาง

5. ทำความสะอาดอุปกรณ์ทางเพศ หากใช้อุปกรณ์ร่วมกัน เช่น dildo หรือ sex toy ควรทำความสะอาดก่อนและหลังใช้งานทุกครั้ง และควรใช้ถุงยางคลุมหากใช้งานร่วมกับผู้อื่น

ถ้าเผลอมีเซ็กส์แบบไม่ป้องกัน ควรทำอย่างไร?

  • รีบพบแพทย์ทันที หากสงสัยว่ามีความเสี่ยงติดเชื้อ
  • ตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ภายใน 1-2 สัปดาห์ (บางเชื้ออาจต้องรอระยะฟักตัว)
  • งดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะตรวจและรักษาเรียบร้อย
  • แจ้งคู่นอนให้มาตรวจด้วย เพราะการรักษาเพียงฝ่ายเดียวอาจนำไปสู่การติดเชื้อซ้ำ

รักษาหนองในได้หรือไม่?

ข่าวดีคือ หนองในสามารถรักษาให้หายขาดได้ ด้วยยาปฏิชีวนะตามคำสั่งแพทย์ ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นการฉีดยาหรือทานยา 1–2 ชุด

ห้ามซื้อยาทานเองเด็ดขาด! เพราะ:

  • อาจใช้ยาผิดชนิดหรือขนาด
  • เสี่ยงเชื้อดื้อยา
  • อาการอาจดีขึ้นชั่วคราว แต่ยังไม่หายขาด

หากปล่อยทิ้งไว้ หนองในสามารถแพร่กระจายเข้าสู่ระบบสืบพันธุ์ภายในและทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ เช่น:

  • อัณฑะอักเสบหรือบวม
  • ภาวะมีบุตรยาก
  • การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
  • ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด

อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ไม่ใส่ถุงยาง = เพิ่มโอกาสติดหนองในและโรคอื่น ๆ

สรุป: ปลอดภัยไว้ก่อน ด้วยการใส่ถุงยางทุกครั้ง

การมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเลย เพียงคุณมี “ถุงยางอนามัย” เป็นเพื่อนคู่กาย ก็สามารถป้องกันโรคหนองในและโรคติดต่ออื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังสะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสุขภาพของตนเองและผู้อื่น หากคุณมีพฤติกรรมเสี่ยง ควรตรวจสุขภาพทางเพศอย่างสม่ำเสมอ และหากมีอาการผิดปกติ อย่าลังเลที่จะไปพบแพทย์ เพราะการรักษาเร็ว = โอกาสหายขาดและลดการแพร่เชื้อได้ทันที

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

0
0

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า