
หลายคนอาจคิดว่า “แค่ครั้งเดียวคงไม่เป็นไร” หรือ “ถ้ามีเพศสัมพันธ์กับคนหน้าตาดี ดูสะอาด ก็คงไม่ติดอะไร” แต่ความจริงคือการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัยแม้เพียงครั้งเดียว ก็สามารถนำไปสู่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) ที่น่ากังวลอย่าง “หนองใน” (Gonorrhea) ได้แล้ว โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน และกลุ่มที่มีคู่นอนหลายคน หนองในไม่ใช่แค่โรคที่สร้างความอึดอัดทางร่างกาย แต่ยังสามารถพัฒนาไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น ภาวะมีบุตรยาก การติดเชื้อในกระแสเลือด หรือโรคติดต่ออื่นร่วมด้วย ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า ทำไมการไม่ใส่ถุงยางจึงเสี่ยงต่อการติดหนองใน, วิธีการสังเกตอาการ, วิธีป้องกันที่ได้ผล และแนวทางลดความเสี่ยง เพื่อให้คุณดูแลสุขภาพทางเพศของตนเองและคู่ได้อย่างปลอดภัย
ไม่ใส่ถุงยาง ทำไมถึงเสี่ยงหนองใน
หนองใน (Gonorrhea) คือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากแบคทีเรียชื่อ Neisseria gonorrhoeae ซึ่งสามารถติดต่อผ่านการสอดใส่ทางช่องคลอด ทางทวารหนัก หรือทางปาก รวมถึงการใช้อุปกรณ์ทางเพศร่วมกันโดยไม่ทำความสะอาดอย่างเหมาะสม หนองในสามารถเกิดได้ทั้งในเพศชายและเพศหญิง โดยอาการที่พบอาจแตกต่างกัน บางคนไม่มีอาการเลย ทำให้ไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อ และแพร่เชื้อต่อให้ผู้อื่นโดยไม่ตั้งใจ
ลักษณะของโรคหนองใน: ผู้ชาย vs ผู้หญิง
อาการในเพศชาย
- ปัสสาวะแสบขัด
- มีหนองสีเหลืองหรือเขียวข้นไหลจากปลายองคชาต
- ปวดหรือบวมที่อัณฑะ
- คันหรือระคายเคืองที่อวัยวะเพศ
- บางรายอาจมีไข้หากเชื้อลุกลาม
อาการในเพศหญิง
- ตกขาวมากกว่าปกติ หรือมีกลิ่นผิดปกติ
- ปวดท้องน้อยหรือหน่วงในช่องท้อง
- ปัสสาวะแสบขัด
- เลือดออกทางช่องคลอดระหว่างรอบเดือน
- เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์
อาการทางคอและทวารหนัก ก็สามารถเกิดได้ในกรณีมีเพศสัมพันธ์ทางปากหรือทางทวาร เช่น:
- เจ็บคอ คล้ายทอนซิลอักเสบ
- มีเลือดหรือหนองจากทวารหนัก
- คันหรือระคายเคืองรอบทวารหนัก
ไม่ใส่ถุงยาง = เพิ่มโอกาสติดหนองในและโรคอื่น ๆ
การไม่ใช้ถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ไม่เพียงแต่เพิ่มความเสี่ยงในการติดหนองในเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เช่น:
- ซิฟิลิส (Syphilis)
- หนองในเทียม (Chlamydia)
- เริม (HSV)
- เอชไอวี (HIV)
- ไวรัสตับอักเสบบีและซี
โดยเฉพาะผู้ที่มีคู่นอนหลายคน หรือไม่ได้ตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำ การมีเซ็กส์แบบไม่ป้องกัน คือพฤติกรรมเสี่ยงอย่างยิ่ง
ถุงยางอนามัย คืออาวุธสำคัญในการป้องกันโรคหนองใน
ถุงยางอนามัยยังคงเป็นเครื่องมือที่ มีประสิทธิภาพที่สุด ในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงหนองใน โดยมีข้อดีดังนี้:
- ป้องกันการสัมผัสของเหลวในร่างกายซึ่งเป็นพาหะของเชื้อ
- ลดการเสียดสีที่ทำให้เกิดแผล และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อทางผิวหนัง
- ใช้ง่าย พกพาสะดวก และมีหลายขนาดให้เลือก
- ปลอดภัย และราคาไม่แพง
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ถุงยางได้ผลเต็มที่ ควร:
- ใช้ถุงยางใหม่ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
- ใช้ถุงยางตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จกิจ
- เลือกถุงยางที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน อย่าซื้อของหมดอายุหรือเก็บไว้นานเกินไป
วิธีป้องกันโรคหนองในอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากการใช้ถุงยางอย่างถูกวิธีแล้ว ยังมีแนวทางอื่นที่ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อหนองในได้อีก ดังนี้:
1. จำกัดจำนวนคู่นอน การมีคู่นอนน้อยราย และอยู่ในความสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อได้อย่างมาก
2. ตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำ โดยเฉพาะหากคุณมีคู่นอนใหม่ หรือมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยาง การตรวจหาเชื้อหนองในและโรคติดต่ออื่น ๆ เป็นประจำทุก 3-6 เดือน ช่วยให้รักษาได้ทันก่อนแพร่เชื้อ
3. พูดคุยกับคู่นอนเรื่องความเสี่ยง ไม่ใช่เรื่องน่าอายหากจะถามว่าคู่นอนของคุณเคยตรวจสุขภาพทางเพศหรือไม่ หรือยืนยันให้ใช้ถุงยางทุกครั้ง
4. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง การมีเพศสัมพันธ์ขณะมึนเมาหรือขาดสติ อาจทำให้ละเลยการใช้ถุงยาง
5. ทำความสะอาดอุปกรณ์ทางเพศ หากใช้อุปกรณ์ร่วมกัน เช่น dildo หรือ sex toy ควรทำความสะอาดก่อนและหลังใช้งานทุกครั้ง และควรใช้ถุงยางคลุมหากใช้งานร่วมกับผู้อื่น
ถ้าเผลอมีเซ็กส์แบบไม่ป้องกัน ควรทำอย่างไร?
- รีบพบแพทย์ทันที หากสงสัยว่ามีความเสี่ยงติดเชื้อ
- ตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ภายใน 1-2 สัปดาห์ (บางเชื้ออาจต้องรอระยะฟักตัว)
- งดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะตรวจและรักษาเรียบร้อย
- แจ้งคู่นอนให้มาตรวจด้วย เพราะการรักษาเพียงฝ่ายเดียวอาจนำไปสู่การติดเชื้อซ้ำ
รักษาหนองในได้หรือไม่?
ข่าวดีคือ หนองในสามารถรักษาให้หายขาดได้ ด้วยยาปฏิชีวนะตามคำสั่งแพทย์ ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นการฉีดยาหรือทานยา 1–2 ชุด
ห้ามซื้อยาทานเองเด็ดขาด! เพราะ:
- อาจใช้ยาผิดชนิดหรือขนาด
- เสี่ยงเชื้อดื้อยา
- อาการอาจดีขึ้นชั่วคราว แต่ยังไม่หายขาด
หากปล่อยทิ้งไว้ หนองในสามารถแพร่กระจายเข้าสู่ระบบสืบพันธุ์ภายในและทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ เช่น:
- อัณฑะอักเสบหรือบวม
- ภาวะมีบุตรยาก
- การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
- ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด
อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
- ซิฟิลิส หนองใน เริม : ตรวจอย่างไร เจ็บไหม รักษาหายไหม?
- Chemsex อย่างไร? ให้ห่างไกลจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

สรุป: ปลอดภัยไว้ก่อน ด้วยการใส่ถุงยางทุกครั้ง
การมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเลย เพียงคุณมี “ถุงยางอนามัย” เป็นเพื่อนคู่กาย ก็สามารถป้องกันโรคหนองในและโรคติดต่ออื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังสะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสุขภาพของตนเองและผู้อื่น หากคุณมีพฤติกรรมเสี่ยง ควรตรวจสุขภาพทางเพศอย่างสม่ำเสมอ และหากมีอาการผิดปกติ อย่าลังเลที่จะไปพบแพทย์ เพราะการรักษาเร็ว = โอกาสหายขาดและลดการแพร่เชื้อได้ทันที
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. โรคหนองใน. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://ddc.moph.go.th
- WHO. Gonorrhoea. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/sexually-transmitted-infections-(stis)
- Thai Red Cross AIDS Research Centre. ข้อมูลการตรวจและรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.trcarc.org