ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า คนที่มีความเสี่ยงต่อเชื้อเอชไอวี มักจะมีความกังวลใจเป็นพิเศษ เพราะเป็นหนึ่งในโรคที่ยังไม่มียารักษาให้หายขาด หรือยังไม่สามารถกำจัดไวรัสชนิดนี้ออกไปจากร่างกายจนหมดได้ ถึงแม้ว่า ทุกคนจะเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้แล้ว การค้นหาข้อมูลค่อนข้างง่ายกว่าเดิมก็จริง แต่ยังมีข้อเท็จจริงที่บิดเบือนและไม่ถูกต้องมากมายเกี่ยวกับไวรัสเอชไอวีและโรคเอดส์ วันนี้จะมาไขข้อสงสัย กับคำถามยอดฮิตของไวรัสเอชไอวีให้ได้รู้กันครับ
เสี่ยงแบบไหนถึงจะติดเอชไอวี
ตอบ = โอกาสที่จะติดเชื้อมีดังนี้
- มีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือการทำออรัลเซ็กส์ ที่ไม่ได้ป้องกันด้วยถุงยางอนามัย
- ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น ในกรณีที่เสพสารเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้นเลือด
- การสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งของผู้ที่มีเชื้อ ผ่านทางบาดแผลหรือถูกเข็มทิ่มตำ
แต่การจับมือ ทักทาย กอด จูบ การไอ จาม การใช้ห้องน้ำร่วมกัน ใช้อุปกรณ์ออกกำลังกาย การใช้ภาชนะและช้อนส้อมร่วมกัน การหายใจร่วมกัน ไม่ทำให้ติดเชื้อเอชไอวีได้ ทั้งนี้ต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงที่มากน้อย และที่สำคัญการปรึกษาแพทย์เป็นทางออกที่กระจ่างแจ้งที่สุด
ราคาตรวจเอชไอวี เท่าไหร่
ตอบ = จริง ๆ แล้วคนไทยทุกคน สามารถเข้ารับบริการตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสเอชไอวีได้ฟรี ที่โรงพยาบาลรัฐ ในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งตรวจฟรีปีละ 2 ครั้ง หรือเข้ารับบริการตรวจกับองค์กรที่เกี่ยวข้องกับเอชไอวีโดยตรง สำหรับราคาตรวจเอชไอวี ที่โรงพยาบาลเอกชน หรือคลินิกทั่วไป เฉลี่ยอยู่ที่ 600-1,200 บาท และอาจยังไม่รวมค่าธรรมเนียมอื่น ๆ เพิ่มเติม หากต้องการตรวจ HIV ที่สถานพยาบาลใด แนะนำให้โทรไปสอบถามและจองคิวก่อนล่วงหน้าจะได้สะดวกในการเข้าตรวจเอชไอวี
เอชไอวีกับเอดส์ต่างกัน
ตอบ = เอชไอวีเป็นไวรัสที่หากผู้ติดเชื้อไม่ได้ทำการรักษา อาจทำให้กลายเป็นโรคเอดส์ได้ เพราะฉะนั้นผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี ไม่ได้กลายเป็นโรคเอดส์ในทันที เพราะการทานยาต้านไวรัสจะช่วยควบคุมเชื้อไวรัสไม่ให้แบ่งตัวทำลายสุขภาพของผู้ติดเชื้อ จนเจ็บป่วย ผู้ติดเชื้อจึงมีสุขภาพที่แข็งแรงได้เหมือนคนปกติ ไม่เสียชีวิตทันทีอย่างที่ใครหลายคนเข้าใจผิดว่าคนติดเชื้อ ก็คือคนที่เป็นโรคเอดส์ ทั้ง ๆ ที่เอดส์คือโรค แต่เอชไอวีเป็นไวรัส ในส่วนนี้จึงอยากให้ทำความเข้าใจเสียใหม่ครับ
ติดเชื้อเอชไอวี กี่ปีถึงออกอาการ
ตอบ = เอชไอวีเป็นสิ่งที่แปลกอย่างหนึ่ง คือ ผู้ที่มีเชื้อจะไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาให้เราสังเกตเห็นได้เลย หากไม่ได้ทำการตรวจเลือด เชื้อก็จะแฝงอยู่ในร่างกาย และค่อย ๆ ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายไปเรื่อย ๆ พร้อมทั้งเพิ่มจำนวนของตัวไวรัสขึ้นด้วย หากปล่อยไประยะเวลานานกว่า 10 ปี ร่างกายจะอ่อนแอลง และเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ เข้ามามากมาย เช่น วัณโรค โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ปอดอักเสบจากเชื้อรา เริม ซิฟิลิส มะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นต้น แต่อาการเหล่านี้จะหมดไป เมื่อคุณรู้ตัวว่าเสี่ยงเอชไอวีก็ตรวจเลือดซะ เพราะถ้าพบเชื้อ การรักษาด้วยยาต้านไวรัสจะช่วยให้สุขภาพของคุณแข็งแรง
เอชไอวีมีทั้งหมดกี่ระยะ
ตอบ = ระยะของการติดเชื้อเอชไอวี แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่
ระยะเฉียบพลัน
เป็นระยะแรกหลังจากรับเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกาย ประมาณ 1-6 สัปดาห์ อาจทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการไข้ เจ็บคอ ปวดหัว ปวดตามร่างกาย คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย น้ำหนักลด มีผื่นขึ้น ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต เป็นต้น อาการเฉียบพลันนี้อยู่ได้ 1-2 สัปดาห์และจะหายไปได้เอง
ระยะแฝง
หรือระยะติดเชื้อไม่มีอาการ แต่ถ้าหากตรวจเลือดเอชไอวีก็จะพบว่ามีเชื้อและยังเป็นระยะที่เป็นพาหะ คือ สามารถแพร่เชื้อให้กับคนอื่นได้ เพราะไวรัสมีอัตราการแบ่งตัวที่เพิ่มขึ้นในปริมาณมาก และเข้าทำลายระบบภูมิคุ้มกันให้ลดลง ระยะแฝงนี้อาจอยู่นานถึง 5-10 ปี
ระยะเอดส์
เป็นระยะที่ภูมิคุ้มกันของผู้ติดเชื้อเสื่อมสภาพลงอย่างถึงที่สุด หากตรวจ CD4 จะพบว่าค่าต่ำกว่า 200 เซลล์/ลบ.มม. ส่งผลให้เกิดโรคฉวยโอกาสต่าง ๆ จากเชื้อรา ไวรัส แบคทีเรียน โปรโตซัวต่าง ๆ เข้าโจมตีร่างกาย เรียกว่า “โรคติดเชื้อฉวยโอกาส” ซึ่งการรักษาโรคเป็นไปค่อนข้างยาก อาจติดเชื้อชนิดเดียวซ้ำ ๆ หรือมีหลายชนิดร่วมกัน
ผู้ติดเชื้อที่เข้าสู่ภาวะโรคเอดส์มักมีอาการ ดังนี้
- มีไข้ หนาวสั่น ติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนาน
- ปวดหัว ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน น้ำหนักลดจนผอมแห้ง
- มีเหงื่อออกมาในเวลากลางคืน หายใจเหนื่อยหอบ
- ไอเรื้อรัง เจ็บคอ กลืนน้ำลายลำบาก
- สายตาพร่ามัว มองเห็นไม่ค่อยชัด และหลงลืมง่าย
- มีผื่นขึ้นตามผิวหนังและร่างกาย
อาการโรคเอดส์ ระยะแรก
ตอบ = อย่างที่กล่าวไปข้างต้น อาการของโรคนี้มักไม่แสดงออกให้เราสังเกตเห็นได้ง่าย ๆ การที่จะรู้ได้ว่าคุณมี หรือไม่มีเชื้อเอชไอวี คือการตัดสินใจไปตรวจเลือดเท่านั้น เพราะอาการในระยะเฉียบพลันหลังการติดเชื้อนั้น ค่อนข้างคล้ายคลึงกับโรคอื่น เราจึงไม่อาจทึกทักเอาได้ว่ามีเชื้อแล้ว
ผลกระทบจากการติดเอชไอวี
ตอบ = แน่นอนว่า เป็นเรื่องจิตใจที่คุณต้องรับมือ กับการที่ได้รับรู้ว่า มีเชื้อเอชไอวีอยู่ในร่างกาย เรียนรู้การปรับตัว รวมทั้งการพูดคุยกับคนในครอบครัว คุณอาจจะต้องหาที่ปรึกษาช่วยเหลือในด้านสภาพจิตใจด้วย แม้ว่าการติดเอชไอวี ส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย อาจทำให้สุขภาพของคุณอ่อนแอ แต่หากคุณมีวินัยในการทานยาและดูแลตัวเองอย่างดี คุณสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไปเรียน ไปทำงาน ทำสิ่งที่คุณต้องการ แม้กระทั่งมีแฟน มีลูก ได้เหมือนคนอื่น ให้คุณเข้าใจใหม่ว่าการติดเอชไอวีไม่ได้ทำให้เสียชีวิตทันที หากเรารักษาเร็วและไปพบแพทย์ตามนัดเสมอ
ยาต้านเชื้อไวรัสเอชไอวี
ตอบ = คือยาที่ใช้ทานทุกวัน สำหรับรักษาผู้ที่มีเชื้อเอชไอวี ตัวยาจะออกฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของไวรัสเอชไอวี ทำให้ภูมิคุ้มกันไม่ถูกทำลาย และมีสุขภาพที่แข็งแรง ในช่วงแรก ยาต้านไวรัสเอชไอวีอาจมีผลข้างเคียงในระยะสั้น ๆ 1-2 สัปดาห์ และเป็นอาการที่ไม่รุนแรง เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เป็นต้น ผลข้างเคียงเหล่านี้สามารถหายได้เองภายใน 4-8 สัปดาห์ แต่หากพบอาการรุนแรงกว่านี้ เช่น รู้สึกชาบริเวณปลายมือ หรือปลายเท้า อ่อนเพลียไม่มีเรี่ยวแรง ควรรีบกลับไปพบแพทย์ทันที การทานยาต้านไวรัสที่ดี จำเป็นจะต้องทานทุกวัน โดยไม่ขาดยา เพื่อลดโอกาสการดื้อยาในอนาคต และควบคุมเชื้อเอชไอวีไว้ได้ตลอดเวลา
ติดเอชไอวีแล้วมีลูกได้ไหม
ตอบ = ผู้ที่มีเชื้อเอชไอวี สามารถมีลูกได้ เหมือนคู่สามีภรรยาทั่วไป เพียงแต่ต้องมีการปรึกษาแพทย์ หากฝ่ายชายมีเชื้อ อาจใช้วิธีการทำเด็กหลอดแก้ว ด้วยการนำน้ำเชื้อมาฆ่าไวรัสเอชไอวีเสียก่อน หากฝ่ายหญิงมีเชื้อ อาจใช้วิธีการฉีดน้ำเชื้อเข้าโพรงมดลูก ทั้งนี้หากฝ่ายใดก็ตามที่มีเชื้อ ทานยาต้านไวรัสเอชไอวีอย่างมีวินัย ไม่ขาดยา และดูแลตัวเองดี เมื่อตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวีแล้วพบค่าไวรัสโหลด (Viral Load) น้อยกว่า 40 Copies/ml นั่นทำให้เข้าสู่สถานะ U=U (Undetectable=Untransmittable) “ไม่เจอเท่ากับไม่แพร่เชื้อ”เพราะฉะนั้นโอกาสที่จะส่งต่อเชื้อให้คู่นอนจึงถือว่าไม่มี และแน่นอนว่าการวางแผนมีลูกย่อมไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
กินเหล้าได้ไหม ถ้ามีเชื้อเอชไอวี
ตอบ = ความจริงแล้วก็สามารถดื่มได้ นาน ๆ ครั้ง หรือดื่มเพื่อเข้าสังคมบางโอกาส แต่อย่างที่เราหลายคนรู้กันดีว่า เหล้า เบียร์ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของผู้ดื่ม ยิ่งในคนที่มีเชื้อเอชไอวีอยู่ อาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกัน ทำงานได้แย่ลง เครื่องดื่มประเภทนี้ ยังทำให้การดูดซึมของยาต้านไวรัสลดลง ประสิทธิภาพในการรักษาก็ลดลงตามไปด้วย
สรุปว่า “ไวรัสเอชไอวี” หากเรียนรู้ และศึกษาข้อมูลอย่างครบถ้วนแล้วจะพบว่าไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ใครหลายคนคิด การตรวจเลือด จะช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เกี่ยวกับการป้องกันตัวเอง ให้ห่างไกลจากโรคได้อย่างถูกต้อง หากพบเชื้อเอชไอวี เมื่อรู้เร็ว ก็ทำให้การรักษาเริ่มต้นได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน อันจะเป็นประโยชน์ต่อเนื่องทั้งสุขภาพของตัวคุณเอง และการวางแผนครอบครัวในอนาคตครับ